บทที่ 7 วินัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของลูกเสือวิสามัญ

วินัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช   ได้ทรงมีพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับเรื่องวินัยไว้หลายประการในโอกาสต่าง ๆ กัน  ว่า
        “สามัคคี มีวินัย คือปัจจัยสร้างชาติ”
        “ระเบียบวินัยดี เป็นสิ่งชี้ความเจริญ”
        “ถ้าตั้งใจศึกษาฝึกหัดตนตามระเบียบวินัยและแบบธรรมเนียมของลูกเสือให้แน่วแน่ต่อไป ก็จะมีความรู้ ความดี ความเจริญอย่างเต็มที่ และสามารถที่จะคุ้มครองรักษาประเทศชาติไว้ได้อย่างแน่นอน”
      “หลักการและจรรยา   ของลูกเสือนั้น เมื่อได้ฝึกหัดอบรมให้ถูกต้องครบถ้วนโดยบริสุทธิ์แล้วย่อมจะทำให้บุคคลมีจิตใจที่พร้อมเพรียง มุ่งดีมุ่งเจริญต่อกันยิ่งขึ้น และเข้มแข็งเชื่อมั่นในความดีงามมากขึ้น ทั้งมีระเบียบวินัยที่ดี มีความเข้าใจอันถูกต้อง ในเรื่องประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติ ทำให้สามารถเป็นที่พึ่งของตนเอง   และของผู้อื่นได้ในที่สุด”
        “วินัย” ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ว่า “การอยู่ในระเบียบแบบแผนและข้อบังคับข้อปฏิบัติ”
        “วินัย” ไม่ใช่เป็นเรื่องของทหารหรือตำรวจเท่านั้น   เป็นเรื่องของทุกคนในชาติไม่ว่าจะอยู่ในฐานะตำแหน่งหน้าที่การงานใด ๆ ในหน่วยราชการ องค์การ ห้างร้าน แม้แต่งานส่วนตัว ย่อมต้องการได้ผู้ที่มีระเบียบวินัยเข้ามาร่วมด้วยกันทั้งนั้น
วินัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
วินัยมี  2  ประการ
        ก.  วินัยภายนอก  ซึ่งเกิดจากการให้กระทำหรืองดเว้นกากระทำในการฝึกอบรมต้องเข้มงวดตามลักษณะหรือกิจกรรมแต่ละประเภท  เพื่อที่จะให้ปฏิบัติจนเกิดลักษณะนิสัยวินัยนอกไม่ยั่งยืนอยู่ได้นาน  หากว่าผู้ที่ไม่พอใจก็อาจละเลย  หรือวางเฉย  เมื่อไม่มีการกำหนดไว้  หรือไม่มีใครรู้เห็น
        ข.  วินัยภายใน   เป็นที่พึงประสงค์เพราะเป็นวินัยที่จะปฏิบัติด้วยความเต็มใจเพราะเห็นคุณค่าการฝึกอบรมจึงต้องเน้นหนักในการสร้างวินัยภายใน  ด้วยการกวดขันการประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง  วินัยภายในเป็นสิ่งที่ต้องการให้มีอยู่ในทุกตัวคน
        วินัยที่ดีเกิดจากความรัก  ความเลื่อมใสศรัทธา  เด็ก ๆ ย่อมเชื่อฟังและเคารพเลื่อมใสผู้ที่ฉลาดกว่าตน  มีอายุมากกว่าตน   รูปร่างใหญ่กว่าตน  ผู้กำกับลูกเสือจึงเป็นกุญแจดอกสำคัญในการสร้างสมวินัยให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก  ผู้กำกับลูกเสือจึงต้องวางตัวให้ดีที่สุด  มีบุคลิกภาพที่น่านับถือ  ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดจาชัดถ้อยชัดคำเด็กก็จะเกิดความสนใจรักใคร่นับถือนิยมชมชอบและเลื่อมใสศรัทธาเด็กก็จะให้ความร่วมมือในอันที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งผลที่สุดการปฏิบัติตามคำสั่งหรือปฏิบัติตัวให้อยู่ในระเบียบวินัยของลูกเสือก็จะดูเป็นของง่าย  และผู้กำกับลูกเสือก็ควรจะกวดขันในเรื่องวินัยและการเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งหรือปฏิบัติตัวให้อยู่ในระเบียบวินัยของลูกเสือก็จะดูเป็นของง่าย  และผู้กำกับลูกเสือก็ควรจะกวดขันในเรื่องวินัยและการเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความรวดเร็ว  และเคร่งครัดแม้ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ควรปล่อยเลยไป
        กองลูกเสือใดมีระเบียบวินัยที่ดีแล้ว  กองลูกเสือนั้นก็จะมีความสุข  ประสบสำเร็จในกิจการต่าง ๆ ได้โดยง่าย
        สิ่งที่จะช่วยทำให้ลูกเสือได้มีระเบียบวินัยที่ดีได้แก่
        1.  การใช้คำสั่งให้ปฏิบัติอย่างง่าย ๆ เป็นคำสั่งตรง ๆ มีจุดหมายที่แน่นอน  ไม่ใช่เป็นคำสั่งที่เกิดจากการข่มขู่
        2.  พิธีการต่างๆ  เพราะในพิธีการต่าง ๆ ทำให้ลูกเสืออยู่ในอาคารสำรวม
        3.  การตรวจในการเปิดประชุมกองและปิดประชุมกอง  หรือการตรวจการอยู่ค่ายพักแรมในตอนเช้า  เป็นการช่วยให้ลูกเสือได้รักษามาตรฐานและระเบียบวินัยของกองลูกเสือให้มีระดับดีขึ้น
        4.  เครื่องแบบมีความหมายสำหรับชื่อเสียงของขบวนการลูกเสือ  บุคคลภายนอกเขาจะมองและตัดสินเราด้วยสิ่งที่เขาเห็นเท่านั้น  ผู้แต่งเครื่องแบบจะต้องสำรวมกิริยาวาจา  ไม่กระทำการใดที่จะทำให้เสื่อมเสีย
        5.  การอยู่ค่ายพักแรมต้องทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
        6.  การเดินทางไกล  ได้รับความเหน็ดเหนื่อย  ต้องอดทน  เห็นใจซึ่งกันและกัน
        7.  ระเบียบแถว  เป็นวิธีการฝึกที่จะต้องให้ปฏิบัติตามคำบอกคำสั่ง
        8.  สิ่งแวดล้อม  ที่มองเห็นเป็นแบบอย่างที่จะกระทำตาม
        9.  ตัวอย่างที่ดีของผู้กำกับเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ลูกเสือจะเกิดศรัทธายึดถือเป็นแบบอย่าง
ส่วนประกอบของเครื่องแบบลูกเสือแห่งชาติ  จำแนกได้เป็น  4  กลุ่ม
        กลุ่ม 1   องค์พระประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติ  และพระบรมวงศานุวงศ์
        กลุ่ม 2  ผู้บังคับบัญชาลูกเสือทั่วไป  ผู้ตรวจการลูกเสือ  กรรมการลูกเสือและเจ้าหน้าที่ลูกเสือ
        กลุ่ม 3  ผู้บังคับบัญชาลูกเสือประเภทต่าง ๆ รวมทั้งลูกเสือเหล่าสมุทรและเหล่าอากาศ
        กลุ่ม 4  นายหมู่ รองนายหมู่ และลูกเสือ
เครื่องแบบแต่ละกลุ่มมีทั้งชายและหญิง  ทั้งทั่วไปและเครื่องแบบพิเศษ  ประกอบด้วย
        1.  หมวก
        2.  เสื้อ
        3.  กางเกง, กระโปรง
        4.  ผ้าผูกคอ
        5.  เข็มขัด
        6.  ถุงเท้า
        7.  รองเท้า
เครื่องหมายประกอบเครื่องแบบลูกเสือ
ลูกเสือสามัญ
        เครื่องหมายประกอบเครื่องแบบลูกเสือสามัญ
        (1)   เครื่องหมายจังหวัด  ทำด้วยผ้า  มีขนาด  รูปและสีตามกฎกระทรวง  ติดที่มุมผ้าผูกคอตรงข้ามฐาน  แต่ถ้าใช้ผ้าผูกคอพิเศษสำหรับไปต่างประเทศ  ไม่ต้องใช้เครื่องหมายจังหวัด
        (2 )  เครื่องหมายหมู่  ทำด้วยผ้าสีตามสีประจำหมู่ลูกเสือสามัญ  รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า  กว้าง 2 ซม. ยาว 14 ซม.  4 แถบ ซ้อนกัน  ติดที่แขนเสื้อใต้ตะเข็บไหล่ซ้าย  1 ซม.
        (3)  เครื่องหมายชั้น
             (ก)  ลูกเสือตรี  ทำด้วยผ้าสีกากี  รูปโล่  ยาว 4 ซม.  กว้าง 2.5 ซม.  มีรูปตราคณะลูกเสือแห่งชาติสีแดงแต่ไม่มีแถบคำขวัญ  และมีคำว่า  “ลูกเสือ” สีเหลืองติดที่กึ่งกลางกระเป๋าเสื้อข้างซ้าย
             (ข)  ลูกเสือโท  ทำด้วยผ้าสีกากี  รูปไต  ยาว 4.5 ซม. กว้าง  2.5  ซม.  มีคำว่า  “ลูกเสือ” สีเหลืองเหนือกรอบสีแดงในกรอบสีแดงมีคำว่า “เสียชีพอย่าเสียสัตย์” สีเหลืองติดที่แขนเสื้อข้างซ้ายกึ่งกลางไหล่กับศอก
             (ค)  ลูกเสือเอก  ทำด้วยผ้าสีกากี  รูปโล่  ยาว 5 ซม.  กว้าง  3  ซม.  มีรูปตราคณะลูกเสือแห่งชาติสีแดง  และมีคำว่า  “ลูกเสือ” สีเหลือง ติดที่แขนเสื้อข้างซ้ายกึ่งกลางไหล่กับศอก
        (4)   เครื่องหมายประจำการ  ทำด้วยผ้าสีเขียว  รูปกลม  เส้นผ่าศูนย์กลาง  2 ซม.  มีรูปดาว  6 แฉกสีเงินเส้นผ่าศูนย์กลาง  5 ซม.  ติดที่อกเสื้อข้างซ้ายเหนือกระเป๋า  1 ซม.  จำนวนเครื่องหมายประจำการให้ติดตามจำนวนปีที่ได้เป็นลูกเสือสามัญ   วัดระยะระหว่างกัน 5 มม.  ตามแนวนอน
        (5)  เครื่องหมายสังกัด
           (ก)  ชื่อกลุ่มหรือกอง  ทำด้วยผ้าสีแดง  รูปสีเหลี่ยมผืนผ้ายาว  7  ซม.  กว้าง 1.5  ซม.  ขลิบริมสีขาว มีชื่อกลุ่มหรือกองสีขาว  ติดโค้งตามไหล่เสื้อข้างขวา
           (ข)  เลขกลุ่มและเลขกอง  ทำด้วยผ้าสีแดง  รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาวด้านละ  3.5  ซม.  ขลิบริมสีขาว  มีตัวเลขอารบิค  เลขกลุ่มสีขาวสูง  1.5  ซม.  อยู่ข้างบน  และเลขกองสีขาวสูง 1 ซม.  อยู่ข้างล่าง  ติดใต้เครื่องหมายชื่อกลุ่มหรือกอง  กองลูกเสือที่จัดเป็นกลุ่มไม่ได้  ให้มีเลขกองอย่างเดียว
        (6) เครื่องหมายลูกเสือสัมพันธ์ สำหรับลูกเสือตรีและลูกเสือโท ซึ่งได้รับเครื่องหมายลูกเสือสัมพันธ์เมื่อเป็นลูกเสือสำรอง ให้ติดได้เช่นเดียวกับลูกเสือสำรอง
        (7) เครื่องหมายภาษาต่างประเทศ ใช้ประกอบเครื่องหมายวิชาล่ามเบื้องต้น ทำด้วยผ้าสีกากี รูปสี่เหลื่อมผืนผ้า ยาว 6 ซม. กว้าง 1.5 ซม. มีอักษรไทยบอกชื่อภาษาต่างประเทศที่ลูกเสือพูดได้ดี สีขาว ติดที่เสื้อข้างขวาเหนือกระเป๋า ถ้าติดเครื่องหมายลูกเสือสัมพันธ์อยู่แล้วให้ติดใต้เครื่องหมายลูกเสือสัมพันธ์
        (8) สายยงยศ ทำด้วยเชือกสีเขียวถักเป็นห่วงคล้องต้นแขนขวาใต้อินทรธนู ปลายสายรวมติดที่ดุมใต้ปกกระเป๋าเสื้อข้างขวา ใช้ได้เฉพาะลูกเสือสามัญที่สอบได้วิชาลูกเสือเอกกับสอบได้วิชาเศษตามที่กำหนดในหลักสูตร
        (9) เครื่องหมายวิชาพิเศษ ทำด้วยผ้าสีกากี รูปกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 ซม. มีกรอบและคำว่า “ลูกเสือ” สีเขียว ภายในกรอบมีรูปตามเครื่องหมายนั้น ๆ
             เครื่องหมายวิชาพิเศษ ถ้าสอบได้ไม่เกิน 9 วิชา ให้ติดที่แขนเสื้อข้างขวา กึ่งกลางระหว่างไหล่กับศอกเรียงกันเป็นแถวแนวนอน แถวใดเกิน 3 วิชา ให้ขึ้นแถวใหม่เว้นระยะระหว่างเครื่องหมายและระหว่างแถว 1 ซม. ถ้าสอบได้เกิน 9 วิชา ให้มีสายสะพายจากบ่าซ้ายไปประจบกันที่ใต้เอวขวา ทำด้วยต่วนหรือสักหลาดสีเหลืองกว้าง 10 ซม. ขลิบริมสีขาวข้างละ 1 ซม. และปักเครื่องหมายวิชาพิเศษ
โอกาสในการแต่งเครื่องแบบ
        1.แต่งทุกครั้งที่มีการฝึกอบรมเป็นปกติ
        2.เมื่อควบคุมลูกเสือออกนอกสถานที่
        3.ในพิธีการของลูกเสือ เช่น พิธีเข้าประจำกอง
        4.ในโอกาสอื่นอีกตามสมควร
        - แต่งกายอย่างอื่น
        (1) แต่งกายลำลอง คือ การแต่งกายสุภาพ ใช้เสื้อมีแขน ประกอบด้วยหมวก ผ้าผูกคอ เครื่องหมายหมู่ เครื่องหมายนายหมู่-รองนายหมู่หรือ พลาธิการและป้ายชื่อ (ห้ามสวมรองเท้าแตะ)
        (2) แต่งกายตามสบาย คือ การแต่งกายสุภาพ (ใช้เสื้อมีแขน-ห้ามสวมรองเท้าแตะ) แต่ไม่ต้องมีหมวกผ้าผูกคอ ส่วนเครื่องหมายอื่น ๆ ควรติดไว้เพื่อจะได้ทราบหมู่และหน้าที่
        โอกาสที่จะแต่งกายตามสบาย มักเป็นการเรียนตอบกลางคืน หรือเมื่อเลิกจากฝึกอบรมประจำวันแล้ว
การทำความเคารพ
-          การทำความเคารพเป็นการแสดงวินัยที่ผู้น้อยมีต่อผู้ใหญ่ เป็นการแสดงว่า เป็นผู้มีมารยาทเรียบร้อย มีความรักใคร่นับถือซึ่งกันและกันอีกด้วย
การทำความเคารพของลูกเสือของลูกเสือสามัญ เมื่ออยู่ในเครื่องแบบมีวิธีทำความเคารพได้ 2 วิธี คือ
1.  ทำวันทยหัตถ์ ให้ทำวันทยหัตถ์ 3 นิ้ว คือ ยกมือขึ้น นิ้วหัวแม่มือกดนิ้วก้อยไว้ เหยียดนิ้วชี้นิ้วกลาง นิ้วนางชิดกัน ใช้ข้อสุดท้ายของปลายนิ้วชี้แตะที่ขอบหมวกปีก ประมาณตรงหางคิ้วขวา ถ้าสวมหมวกทรงอ่อน (หมวกเบเรต์) หรือมิได้สวมหมวก ใช้ปลายนิ้วชี้แตะที่หางคิ้วขวา ถ้าอยู่ในแถวผู้บังคับบัญชาบอกตรง “ตรง”
        2. ทำวันทยาวุธ คือ การทำความเคารพในขณะที่ลูกเสือถือพลองอยู่ ได้แก่ การทำวันทยาวุธ เมื่ออยู่กับที่ให้ยืนตรงพลองชิดลำตัวด้านขวา โคนพลองชิดนิ้วก้อยเท้าขวา ปลายพลองอยู่ในร่องไหล่ มือขวาจับพลอง มือซ้ายแสดงรหัสลูกเสือ ยกขึ้นคว่ำฝ่ามือลง รวบนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วก้อยจรดกัน เหลือนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง เหยียดตรงและชิดกัน งอศอก ยกแขนซ้ายให้อยู่ในแนวเสมอไหล่ และให้ข้อแรกที่ปลายนิ้วชี้ด้านข้างแตะพลองไว้
        โอกาสแสดงความเคารพ ใช้ในโอกาสต่าง ๆ ต่อไปนี้
        1.เคาระต่อธงสำคัญ ๆ เช่น ธงชาติ ธงคณะลูกเสือแห่งชาติ ธงลูกเสือประจำจังหวัด ธงประจำกองทหาร ฯลฯ ที่ผ่านไป
        2.เคารพในขณะที่บรรเลงเพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาชัย เพลงสรรเสริญเสือป่า
        3.เคารพแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ บิดามารดา ครู อาจารย์ ญาติผู้ใหญ่ที่ควรเคารพ นายทหาร นายตำรวจที่แต่งเครื่องแบบ
        4.เคารพต่อลูกเสือด้วยกัน ในขณะที่พบกันเป็นครั้งแรกในวันหนึ่ง ๆ จะเป็นลูกเสือชาติเดียวกัน หรือต่างชาติก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน
รหัสลูกเสือ
        เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้รู้กันเฉพาะในวงการลูกเสือเท่านั้น ซึ่งลูกเสือทุกคนเมื่อเห็นรหัสนี้ ก็จะรับรู้และเข้าใจความหมายซึ่งกันและกันทันทีว่า “เราเป็นพวกเดียวกัน”
วิธีแสดงรหัส
        ลูกเสือไทยใช้แสดงรหัสแบบอังกฤษ คือ ยืนในท่าตรงยกมือขวาเสมอไหล่ ข้อศอกชิดลำตัว หันฝ่ามือไปข้างหน้า นิ้วหัวแม่มือกดปลายนิ้วก้อยไว้ อีกสามนิ้วที่เหลือเหยียดขึ้นไปตรงนิ้วชิดกัน (แบบของอเมริกา ต่างกันตรงที่ ข้อศอกไม่ชิดลำตัว แต่ยกข้อศอกตั้งฉากกับต้นแขน) นิ้วทั้งสามที่เหยียดขึ้นไปนั้นมีความหมายถึงคำปฏิญาณของลูกเสือ 3 ข้อ
โอกาสแสดงรหัส ใช้ในโอกาสต่อไปนี้
        1. เมื่อลูกเสือกล่าวคำปฎิญาณในพิธีปฏิบัติตนเข้าประจำกองและพิธีอื่น ๆ ที่มีการทบทวนคำปฏิญาณ
        2. เมื่อพบกับลูกเสือชาติเดียวกันหรือต่างชาติ เป็นการรับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน
สัญญาณมือในการเรียกแถวของลูกเสือสากล
        การใช้สัญญาณมือเรียกแถวรูปต่าง ๆ ในการฝึกอบรมลูกเสือตามแบบสากลของลูกเสือทุกประเภท ผู้บังคับบัญชาที่จะเรียกแถวนั้นจะต้องเลือกสถานที่ให้เหมาะสมเสียก่อน และยืนตรงแล้วจึงเรียกและให้สัญญาณ (ลูกเสือสำรองใช้คำว่า แพ๊ค ลูกเสือสามัญ สามัญรุ่นใหญ่และวิสามัญ ใช้คำว่า กอง)
        1.  แถวหน้ากระดานเดี่ยว
           ผู้เรียกเหยียดแขนทั้งสองไปด้านข้างเสมอแนวไหล่ มือแบ หันฝ่ามือไปข้างหน้า
           ให้ลูกเสือเข้าแถวหน้ากระดานแถวเดี่ยว ข้างหน้าผู้เรียกให้แนวตรงกึ่งกลางของแถวอยู่ห่างผู้เรียกประมาณ 6 ก้าว หันหน้าเข้าหาผู้เรียก
           กรณีหมู่เดียว – ให้นายหมู่ยืนแลตรงเป็นหลักทางขวา (ทางซ้ายมือของผู้เรียก) ลูกแถวเข้าแถวตามลำดับทางซ้ายของนายหมู่ ยืนเรียงเคียงกันเป็นแถวหน้ากระดาน ไปจนถึงลูกแถวคนสุดท้าย และปิดหมู่ ด้วยรองนายหมู่ ซึ่งอยู่ซ้ายสุดทุกคน (ยกเว้นนายหมู่) จัดแถวทางขวา (แลขวา)
           การจัดเรียงระยะเคียง ถ้าเป็น “ปิดระยะ” ระยะเคียงของลูกเสือในแถวหน้ากระดาน คือ ช่วงแขนซ้ายของลูกเสือที่อยู่ทางขวา ยกมือซ้ายขึ้นเท้าตะโพก ให้ฝ่ามือพักอยู่บนตะโพก นิ้วเหยียดกันอยู่ประมาณแนวตะเข็บกางเกง ศอกอยู่เสมอแนวลำตัว การจัดแถวใช้แขนขวาจดปลายศอกซ้าย ผู้เรียกแถวจัดการตรวจแถว แล้วสั่งนิ่งลูกเสือทุกคนลดมือลงพร้อมกันสะบัดหน้ามาอยู่ในท่าตรงและนิ่ง
           ถ้าเป็น “เปิดระยะ” ระยะเคียงของลูกเสือในแถวหน้ากระดาน คือ สุดช่วงแขนของลูกเสือทางขวาให้ปลายนิ้วกลางมือซ้ายจดไหล่ขวา นับจากนายหมู่เป็นต้นมาจนถึงลูกแถวคนสุดท้ายก่อนถึงรองนายหมู่
           กรณีหลายหมู่ – ให้แต่ละหมู่เข้าแถวหน้ากระดานแถวเดี่ยว เหมือนกับที่เป็นหมู่เดียวให้แนวตรงกึ่งกลางของแถวอยู่ห่างจากผู้เรียก 6 ก้าวโดยประมาณ และระยะเคียง ระหว่างหมู่ (ระหว่างนายหมู่ถัดไปทางซ้ายกับรองนายหมู่ทางขวา) เป็นไปตามปกติ และระยะเคียง 1 ช่วงแขน กรณี “เปิดระยะ”
           เมื่อเข้าแถวเรียบร้อยแล้ว ผู้เรียกแถวตรวจการจัดแถวแล้วสั่งนิ่ง
        2.  แถวตอนเรียงหนึ่ง
           ผู้เรียกเหยียดแขนทั้งสองไปข้างหน้า เสมอแนวไหล่ มือแบ หันฝ่ามือเข้าหากัน
           ให้ลูกเสือเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งข้างหน้าผู้เรียก นายหมู่หลักซึ่งอยู่หน้าผู้เรียกประมาณ 6 ก้าว
           กรณีหมู่เดียว – ให้นายหมู่วิ่งมายืนในท่าตรงเป็นหลักข้างหน้าผู้เรียกประมาณ 6 ก้าว ลูกแถวเข้าแถวหลังนายหมู่หลัก ยืนให้ตรงคอนายหมู่ข้างหน้า ระยะต่อสุดช่วงแขนของลูกเสือเมื่อยื่นไปจดหลังท่อนบนของผู้อยู่ข้างหน้า ลูกแถวคนอื่น ๆ ก็เข้าแถวซ้อนไปข้างหลังของลูกแถวข้างหน้าตามลำดับ ระยะต่อสุดช่วงแขนดังเดิมและเข้าแถวต่อซ้อนกันไปจนถึงคนสุดท้าย และปิดท้ายด้วยรองนายหมู่ ในระยะต่อสุดช่วงแขนเช่นกัน
           เมื่อผู้เรียกแถวตรวจการจัดแถวแล้วสั่งนิ่ง ทุกคนลดแขนลงอยู่ในท่าตรงเพื่อฟังคำสั่งต่อไป
           กรณีหลายหมู่ – ให้เรียกว่า “แถวตอนหมู่” ให้หมู่หลักเข้าแถวตอนตรงหน้าผู้เรียก ห่างผู้เรียก 6 ก้าวโดยประมาณ โดยมี หมู่อื่น ๆ เข้าแถวตอนเป็นแนวเดียวกันไปทางซ้ายและทางขวาของหมู่หลักระยะเคียงระหว่างหมู่ประมาณ 1 ช่วงศอก ส่วนระยะต่อ 1 ช่วงแขนโดยประมาณ (ไม่ต้องยกแขน)
        3.  แถวหน้ากระดานหมู่ปิดระยะ
           ผู้เรียกกำมือทั้ง 2 ข้าง เหยียดตรงไปข้างหน้าขนานกับพื้น งอข้อศอกขึ้นเป็นมุมฉาก หันหน้ามือเข้าหากัน
           ให้ลูกเสือหมู่ที่ 1 มาเข้าแถวหน้าผู้เรียก นายหมู่อยู่ขวามือ ลูกหมู่อยู่ซ้ายมือเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดาน โดยให้ตรงกึ่งกลางของหมู่อยู่ตรงหน้าผู้เรียก ห่างจากผู้เรียกประมาณ 6 ก้าว หมู่ต่อ ๆ ไป เข้าแถวหน้ากระดานเช่นเดียวกัน ข้างหลังหมู่แรกตามลำดับ ระยะหมู่ต่อหมู่ประมาณ 1 ช่วงแขน
           การเข้าแถว ให้ลูกเสือทุกคน (เว้นคนอยู่ทางซ้ายสุด) ยกมือซ้ายขึ้นเท้าตะโพก (เหมือนดังที่กล่าวไว้ในหมู่แถวหน้ากระดาน) ระยะต่อระหว่างหมู่ต่อหมู่ประมาณ 1 ช่วงแขน (ไม่ต้องยกแขน) สะบัดหน้าไปทางขวา เมื่อผู้เรียกแถวตรวจ การจัดแถวแล้วสั่งนิ่ง ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร้อมสะบัดหน้ามาอยู่ในท่าตรง
        4.  แถวหน้ากระดานหมู่เปิดระยะ
           ผู้เรียกกำมือทั้ง 2 ข้าง งอข้อศอกเป็นมุมฉาก แขนท่อนบนแบะออกจนเป็นแนวเดียวกับไหล่ หันหน้ามือไปข้างหน้า
           ให้ลูกเสือทุกคนเข้าแถวเหมือนแถวหน้ากระดานหมู่ปิดระยะ แต่ระยะต่อระหว่างหมู่ของทุกหมู่ขยายออกไปทางด้านหลัง ห่างกันหมู่ละประมาณ 3 ช่วงแขน
           การเข้าแถว ให้ลูกเสือทุกคน (เว้นคนอยู่ซ้ายสุด) ยกมือซ้ายขึ้นเท้าตะโพก สะบัดหน้าไปทางขวาระยะต่อระหว่างหมู่ต่อหมู่ประมาณ 3 ช่วงแขน เมื่อผู้เรียกแถวตรวจการจัดแถวแล้วสั่งนิ่ง ลูกเสือทุกคนสะบัดหน้าและอยู่ในท่าตรง
        5.  แถวรูปครึ่งวงกลม
           ผู้เรียกแถว มือแบทั้ง 2 ข้าง เหยียดตรงลงข้างล่างคว่ำมือเข้าหาตัวโบกผ่านลำตัว ประสานกันด้านหน้าช้า ๆ เป็นรูปครึ่งวงกลม
           ให้ลูกเสือหมู่แรกยืนด้านซ้ายมือของผู้เรียก โดยนายหมู่หมู่แรกยืนอยู่เป็นแนวเดียวกับผู้เรียก หมู่ที่ 2 และหมู่ต่อ ๆ ไปอยู่ทางด้านซ้ายของหมู่แรกตามลำดับ จนคนสุดท้ายของหมู่สุดท้ายอยู่เป็นเส้นตรงแนวเดียวกับผู้เรียกและนายหมู่หมู่แรก โดยถือว่าผู้เรียกเป็นจุดศูนย์กลาง
           การเข้าแถว ให้ลูกเสือทุกคน (เว้นคนซ้ายสุด) ยกมือซ้ายขึ้นเท้าตะโพก สะบัดหน้าไปทางขวา (ยกเว้นนายหมู่หมู่แรก) เมื่อผู้เรียกแถวตรวจการจัดแถว แล้วสั่งนิ่ง ลูกเสือทุกคนลดแขนลงสะบัดหน้ามาอยู่ในท่าตรง
        6.  แถวรูปวงกลม
           ก.  แบบผู้เรียกยืนอยู่ที่จุดศูนย์กลาง
           ผู้เรียกแถวมือแบทั้งสองข้าง เหยียดตรงลงข้างล่าง คว่ำฝ่ามือเข้าหาตัวโบกผ่านลำตัว ประสานกันด้านหน้าจดด้านหลังเป็นรูปวงกลม
           ให้ลูกเสือหมู่แรกยืนด้านซ้ายมือของผู้เรียก โดยนายหมู่หมู่แรกยืนอยู่แนวเดียวกับผู้เรียก หมู่ที่ 2 และหมู่ต่อ ๆ ไปอยู่ทางด้านซ้ายของหมู่แรกตามลำดับ จนคนสุดท้ายของหมู่สุดท้ายไปจดกับนายหมู่หมู่แรก ถือผู้เรียกเป็นจุดศูนย์กลาง
           การเข้าแถวให้ลูกเสือทุกคนยกมือซ้ายขึ้นเท้าตะโพก สะบัดหน้าไปทางขวา (ยกเว้นนายหมู่หมู่แรก) เมื่อผู้เรียกแถวตรวจการจัดแถวเรียบร้อยแล้วสั่งนิ่ง ลูกเสือทุกคนลดแขนลงสะบัดหน้ามาอยู่ในท่าตรง (การเข้าแถวและการจัดแถวอนุโลมตามแบบ ก.)
           ข.  แบบผู้เรียกยืนอยู่ที่เส้นรอบวง
           ผู้เรียกแถวมือขวากำเหยียดแขนยกไปข้างบน และเลยไปหลัง
           ให้ลูกเสือหมู่แรกยืนด้านซ้ายมือของผู้เรียกโดยนายหมู่แรกยืดชิดกับผู้เรียกหมู่ที่ 2 และหมู่ต่อ ๆ ไปอยู่ด้านซ้ายมือของผู้เรียกตามลำดับ จนคนสุดท้ายของหมู่สุดท้าย ไปจดกับผู้เรียกด้านขวามือ ถือผู้เรียกเป็นเส้นรอบวงด้วย
        7.  แถวสี่เหลี่ยมเปิดด้านหนึ่ง
           ผู้เรียกแถวยืนอยู่ด้านหนึ่ง (ซึ่งเป็นด้านเปิด) ศอกงอยกแขนทั้งสองขึ้นข้างหน้า ให้หน้าแขนทั้งสองไขว้กันตรงฝ่ามือ ฝ่ามือทั้งสองแบเหยียดหันไปข้างหน้า ฝ่ามือขวาไขว้ทับฝ่ามือซ้ายประมาณแนวลูกคาง เป็นสัญญาณถ้ามีลูกเสือ 3 หมู่ ให้เข้าแถวในอีก 2 ด้านที่เหลือ โดยมีนายหมู่ 1 เข้าแถวหน้ากระดานเดี่ยวทางด้านซ้ายของผู้เรียก หันหน้าเข้าในรูปสี่เหลี่ยม หมู่ 2 เข้าแถวหน้ากระดานแถวเดี่ยวด้านตรงข้ามกับผู้เรียก หันหน้าเข้าหาผู้เรียกและหมู่ 3 เข้าแถวหน้ากระดานแถวเดี่ยวตรงข้ามกับหมู่ 1 ทางด้านขวาของผู้เรียก
           การเข้าแถวให้ลูกเสือทุกคนปฏิบัติเหมือนับการเข้าแถวหน้ากระดาน เว้นระยะตรงมุมของแต่ละด้านให้เท่ากันพอสมควรไม่ซ้อนหรือตรงกัน
           ถ้ามีลูกเสือมากกว่า 3 หมู่ ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้เรียกแถว แต่ควรให้ด้านซ้ายมือกับด้านขวามือมีจำนวนเท่ากัน
           เมื่อผู้เรียกแถวตรวจแถวเรียบร้อยแล้วสั่งนิ่ง ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร้อมสะบัดหน้าอยู่ในท่าตรง
        8.  แถวรัศมีหรือล้อเกวียน
           ผู้เรียกแถวยืนอยู่ในท่าตรง มือขวาแบคว่ำกางนิ่งออกทุกนิ้ว ชูแขนไปข้างหน้าทำมุมประมาณ 45 องศา ให้มองเห็นได้ แล้วเรียก “แพ็ค” หรือ “กอง”
           ให้ลูกเสือทุกหมู่มาเข้าแถวเป็นรูปหมู่แถวตอนหน้าผู้เรียก ห่างจากผู้เรียกประมาณ 6 ก้าว เป็นรัศมีโดยให้หมู่แรกอยู่ด้านหน้าทางซ้ายมือผู้เรียกประมาณ 45 องศา หมู่ที่ 2 และหมู่ต่อ ๆ ไปอยู่ด้านซ้ายของหมู่แรกตามลำดับ ถือผู้เรียกเป็นจุดศูนย์กลาง ระยะต่อของแต่ละหมู่ระหว่างบุคคลประมาณ 1 ช่วงแขน ระยะเคียงระหว่างนายหมู่ต่อนายหมู่พอสมควรและนายหมู่หมู่สุดท้ายจะอยู่ด้านหน้าทางขวามือของผู้เรียกประมาณ 45 องศา
           การเข้าแถว ให้ลูกเสือทุกคน (เว้นคนอยู่หัวแถวของแต่ละหมู่) เหยียดแขนซ้ายไปข้างหน้า สูงเสมอแนวไหล่ คว่ำฝ่ามือให้ปลายนิ้วมือจดหลังของคนหน้าพอดี ผู้เรียกแถวจัดแถวแล้วสั่ง “นิ่ง” ลูกเสือทุกคนลดแขนลงพร้อมกันและนิ่ง
        9.  การใช้สัญญาณมือเป็นคำสั่งให้แถว “พัก” และ “ตรง”
           ในการเข้าแถวของหมู่แถวของหมู่ลูกเสือ จะเป็นแนวหน้ากระดานก็ดี แถวตอนก็ดี หรือแถวหน้ากระดานตอนหมู่รูปครึ่งวงกลม หรือวงกลม ตลอดจนแถวรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านหนึ่งก็ดี ผู้เรียกแถวอาจใช้สัญญาณมือเป็นคำสั่งให้แถว “พัก” จากท่าตรง และเป็นคำสั่งให้แถว “ตรง” จากท่าพักก็ได้ โดยผู้เรียกแถวทำ 2 จังหวะ ดังนี้
           จังหวะ 1 กำมือขวา งอแขนตรงศอกให้มือที่กำอยู่ประมาณตรงหัวเข็มขัด หันฝ่ามือที่กำเข้าหาหัวเข็มขัดหันฝ่ามือที่กำเข้าหาหัวเข็มขัด
           จังหวะ 2 สลัดมือที่กำและหน้าแขนไปทางขวาเป็นมุม 180 องศา ประมาณแนวเดียวกับแนวเข็มขัด เป็นสัญญาณให้ “พัก” ตามระเบียบ (ลูกเสือทุกคนปฏิบัติเช่นเดียวกับท่าพักตามระเบียบ)
           กรณีที่จะให้สัญญาณมือเป็นคำสั่งให้ “ตรง” ผู้เรียกแถวทำ 2 จังหวะ ดังนี้
           จังหวะ 1 กำมือในลักษณะเหมือนกับเมื่อตอนสลัดแขน สั่ง “พัก” จังหวะ 2
           จังหวะ 2 กระตุกหน้าแขนให้กำมือกลับมาอยู่ตรงหัวเข็มขัด (จังหวะ 1 ของสัญญาณสั่ง “พัก”) ลูกเสือทุกคนชิดเท้าซ้าย ลดแขนที่ไขว้หลังลงมาอยู่ในท่าตรง
สัญญาณนกหวีด
        สำหรับการฝึกประจำวันหรือในโอกาสที่ผู้บังคับบัญชาอยู่ห่างไกลลูกเสือ ใช้สัญญาณประเภทอื่นไม่สะดวกก็ใช้สัญญาณนกหวีดแทน คือ
        1. หวีดยาว 1 ครั้ง (——)ถ้าเคลื่อนที่ให้หยุด ถ้าหยุดอยู่เตือน, เตรียมตัวหรือคอยฟังคำสั่ง
        2. หวีดยาว 2 ครั้ง(——  ——) เดินต่อไป, เคลื่อนที่ต่อไป, ทำงานต่อไป
        3. หวีดสั้น 1 ครั้ง, หวีดยาว 1 ครั้ง สลับกันไป (—  ——  —  ——) เกิดเหตุขึ้น
        4. หวีดสั้น 3 ครั้ง หวีดยาว 1 ครั้ง ติดต่อกันไป(—  —  —  —— , —  —  —  ——) เรียกนายหมู่ มารับคำสั่ง
        5. หวีดสั้นติดกันหลาย ๆ ครั้ง (—  —  —  —  —  —  —  —  —) ประชุม, รวม
          หมายเหตุ เมื่อจะใช้สัญญาณ (2) (3) (4) หรือ (5) ให้ใช้สัญญาณ (1) ก่อนทุกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อมูลรายวิชาลูกเสือวิสามัญ1

จุดประสงค์รายวิชา เพิ้อให้     1. เข้าใจหลักการและกระบวนการของลูกเสือวิสามัญ     2.  สามารถปฏิบัิติตนตามระเบียบข้อบังคับ  คำปฏิญาณ และกฏข...